วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

เซ็งเป็ดในตำนานนนนน

ในที่สุดฉันก็ซื้อ... เก็บไว้ในครอบครอง

เป็นความทรงจำวัยเด็ก (นานละ) เรื่องเล่าวายในตำนานของสจ๊วตหนุ่ม ผู้มีเพื่อนใกล้ตัวที่อยากเป็นมากกว่าเพื่อน 

ด้วยสำนวนของท่านเซ็งเป็ดที่ฮามาก ตอนนั้นเลยดังเป็นกระแสอยู่พักใหญ่ๆเลย 

ตอนนั้นเราอ่านจบไปพักใหญ่ๆแล้วค่อยพิมพ์เลยไม่ได้ซื้อเก็บ
จนวันนี้มาเจอประกาศในพันทิพ บอกว่าแจกหนังสือฟรีแต่ขอค่าส่ง50บาท(อืม..ก็พอสมควรเชียวนะ) +ค่าโอน25บาท ต่างธนาคาร
เราเลยเสียไปทั้งหมด 75 บาท จากราคาเต็มของหนังสือ 99บาท(กูทำไปเพื่ออะไรวะ 5555)


มาอ่านให้หายคิดถึงเน้ออ ^_^~ ไม่รู้เล่มนี้จะเป็นอีกเล่มที่ขึ้นทำเนียบ "อ่านตอนนั้นกับอ่านตอนนี้ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน" อีกหรือเปล่า (ทำเนียบนี้ มีทั้งแบบสนุกมากขึ้น เข้าใจความนัยของหนังสือมากขึ้น และแบบ ตอนนั้นตรูชอบไปได้ยังไงวะ 555)

[ Novel ] แต่งกับผี ยังดีกว่านาย(แก) :เอื้องอลิน


โอ้ววววว เพิ่งเห็นว่าออกแล้ว!! รอคอยมานานมาก ตามแต่ในเด็กดีและบลอค เห็นจำนวนตอนมันไม่ขยับ เลยนึกว่าพี่เค้าดรอปเขียนไปซะละ สรุปซุ่มๆอยู่ ออกทีเป็นเล่มเลยนี่เองง -0-

อยากรู้บทสรุปของอ้อยและเอมาก
เอาจริงๆคู่นี้ตอนแรกที่ประทับใจคือความฮา มันเป็นคู่ที่แบบไม่ได้มีโมเม้นต์กุ๊กกิ๊กกั๊กกันมาก่อนเลย คือคบกันแบบเพื่อนและมันตัดมุขกันฮามาก

แอบคิดว่าตอนอ่านในเวบอ้อยมันแมนกว่านี้ และบทมันเป็นธรรมชาติดว่านี้ ไม่รู้ทำไมในเล่มรู้สึกมันดูตั้งใจมุ่งสู่จุดจบให้คู่นี้ลงเอยกันมากเกินไป ทั้งบริบทดูดวง ช่อดอกไม้ ฯลฯ อดคิดไม่ได้ว่าพี่เค้าถูกกองบก.สั่งปรับบทอะไรรึเปล่าคะ? หรือเราอ่านไม่ดี หรือความรู้สึกเราเปลี่ยนไปเองหว่า(คือเพิ่งอ่านแบบเล่มได้แค่ช่วงแรกๆเองนะ)

เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่เรารอคอยและคาดหวังสูงเชียวแหละ

ป.ล.หน้าปกเขียนว่าภาคต่อ 'โอ้ใจเอย' แต่มันควรเรียกว่า ภาคของเพื่อนในจักรวาลเดียวกัน แค่นั้นเฉยๆป้ะ เหมือนที่อยู่ในจักรวาลเดียวกับ 'วาดด้วยใจ ลงท้ายด้วยที่รัก' ก็ตัวละครรู้จักๆกัน และมีเกี่ยวดองกันเล็กน้อย

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

คู่หนังสือที่ชอบมาก 5 :ความลับของสมอง เรียน/ทำงานอย่างไรให้สมองมีความสุข

-ความลับของสมอง เรียนอย่างไรให้สมองมีความสุข
-ความลับของสมอง ทำงานอย่างไรให้สมองมีความสุข

โดย Kenichiro Mogi (ชาบูวๆท่านอจ.)

เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราบ้าสนพ.ส.ส.ท.
เล่มแรกสีเขียวคือแม่ซื้อมาให้ 'เรียนอย่างไรให้สมองมีความสุข' อ่านแล้วอื้อหือ อ้าหามาก คือรู้สึกมีไฟอยากเรียน อยากอ่านหนังสือขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก
เหมือนได้รับรู็หลักการอ่านหนังสือที่จะเข้ากับสมองได้ดี
เช่น
-บทเรียนควรจะง่ายพอให้เรารู้สึกดีที่ทำได้ และยากพอจะท้าทาย
-การใช้สมองในช่วง "นาทีทองของสมอง" ให้เป็นประโยชน์
ถ้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจ ต้องค้นหาคำตอบในช่วงที่สมองยังสดชื่นอยู่
ฯลฯ



มีรูปประกอบให้เข้าใจง่ายๆด้วย

พูดให้เข้าถึงลำบาก(และอาจต้องพิมพ์ยาวมาก อันนี้เราพิมพ์ในมือถือนะ กดผิดบ่อยสุดๆ รัวไม่มันส์เลย เอาเป็นว่าหากมีโอกาสอาจมา editอีกที)

สำหรับเราเล่มนี้ highly recommend มันดีมากจริงๆ
ชอบมากว่าหนังสือเรียนอยากไรให้สมองมีความสุขของหนูดีอีกมั้ง (จริงๆสองเล่มนี้มันเป็นการพูดเกี่ยวกับการเรียนโดยอิงให้เข้ากับการทำงนของสมองเหมือนๆกัน จึงจัดว่าเนื้อหามักจะแนะไปในทิศทางเดียวๆกันนั่นแหละ) แต่ลุงโมงิแกเวิ่นไปหน่อย ของหนูดีจะอธิบายได้กระชับกว่า

คู่หนังสือที่ชอบมาก 4 :กินกบตัวนั้นซะ!,จูบกบตัวนั้นซะ!


กินกบตัวนั้นซะ!
จูบกบตัวนั้นซะ!
โดย Brian Tracy


ได้ยินชื่อเสียงมาตั้งนาน(พอๆกับ"ใครเอาเนยแข็งของฉันไป") 
เล็งๆแหล่ๆมาตั้งแต่เวอร์ชั่นเก่า แต่ตอนนั้นยังไม่มีปัญหาเรื่องการผัดวันประกันพรุ่ง และยังไม่บ้าฮาวทูมากเท่าวันนี้555


เป็นหนังสือที่บอกกลยุทธ์ป้องการการผัดผ่อน และมองเห็นโอกาสในทุกปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก! ด้วยภาษาเข้าใจง่ายและตรงประเด็น

มองtaskที่ต้องทำเป็นกบ และถ้ายังไงก็ต้องกินมัน ก็ตัดใจกินๆมันไปซร้าาา!!


คู่หนังสือที่ชอบมาก 3 :30นาทีตอนเช้า,ก่อนนอน

นี่ละครับคือประทับใจมากก

-แค่ 30 นาทีก่อนนอน เปลี่ยนคนยอดแย่เป็นยอดเยี่ยม!
-แค่ 30 นาทีตอนเช้า เปลี่ยนความล้มเหลวเป็นความสำเร็จ!
โดย ทาคาชิมะ เท็ตสึจิ

อธิบายชักจูงด้วยหลักวิทยาศาสตร์ การทำงานของสมอง การหลั่งฮอร์โมนต่างๆ ชักชวนให้ตื่นเช้า และใช้เวลาก่อนนอนให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
ชี้ให้เห็นประโยชน์เพื่อพัฒนาศักยภาพ

ด้วยภาษาที่อ่านง่าย ดึงดูด และมีพลัง

คู่หนังสือที่ชอบมาก 2 :อ่านใจคนได้ใน1นาที,เข้าใจตัวเองใน1นาที

เซตนี้ก็ไม่ได้ชอบมากเป็นอันดับสองหรอก จริงๆตัวเลขในซีรีย์ "คู่หนังสือที่ชอบมาก"นี้ไม่มีความหมายอันใด เป็นเพียงแค่ลำดับที่ยกมา ตามอารมณ์เท่านั้น อย่างในที่นี้ ชุดนี้ก็เขียนง่าย จบไวดี ;p

อ่านใจคนได้ใน1นาที
เข้าใจตัวเองใน1นาที
ของ เดวิค เจ.ไลเบอร์แมน


เป็น how to ฉบับย่อยง่าย ซึ่งประยุกต์มาจากหนังสือจิตวิทยาเต็มของผู้เขียนคนนี้(ซึ่งมีอยู่มากมาย เราก็เคยซื้อมาเล่มนึง เมื่อนานมาแล้ว
คู่มือสะกดใจคน
เป็นเล่มที่ดีมาก ข้างในอธิบายอย่างละเอียด แต่ก็รู้สึกอ่านยากอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

พอสนพ.we learn หันมาจับทางนี้ ออกฉบับที่มันอ่านง่ายขึ้นก็รู้สึกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีมาก 

แถมออกหนังสือhow toที่น่าสนใจมาอีกหลายฉบับ กลับมาผงาดในวงการได้อย่างน่าสนใจจริงๆ (สงสัยเปลี่ยนผู้บริหาร อิอิ)

ฮาวทูเล่มใหม่ๆของวีเลิร์นนี่ล่อตาล่อใจเรามาก ออกแต่เล่มที่น่าสนใจทั้งน้านน 52วิธีสู่อัจฉริยะ,น่าจะรู้ตั้งแต่ก่อนยี่สิบ(ชอบแต่รู้สึกยังไม่โดนมาก เลยยังไม่ได้ซื้แหรอกนะ) ล่าสุดที่เล็งคือ



คู่หนังสือที่ชอบมาก 1: If you care enough,Every body Hurts


If you care enough
Everybody Hurts
ของวิไลรัตน์ เอมเอี่ยม สนพ.a book

เป็นความเรียงเกี่ยวกับเรื่องรอบตัวสั้นๆ สะกิดความคิดและมุมมองอะไรบางอย่าง
ให้อารมณ์เหมือนงานเขียนของวงศ์ทนง ชัยณรงสิงห์(ซึ่งเราชอบมาก) แต่มีแง่มุมความเป็นผู้หญิงมากกว่า คิดเกี่ยวกับความผูกพันและสายสัมพันธ์รอบตัวมากกว่านิดนึง ในขณะที่ของพี่โหน่งจะมักพูดถึง'ความฝัน' และเป้าหมายในอนาคต

สำนวนที่ใช้ทำให้บรรยากาศในเล่มแตกต่างกัน บอกไม่ได้ว่าชอบใครมากกว่ากัน แต่ดีใจมากๆที่เราเจอนักเขียนคนโปรดเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง ทำให้มีหนังสือเล่มโปรดเพิ่มมากขึ้นไปด้วย :)

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

ว่างๆเข้าร้านหนังสือก็เล็งแต่หนังสือจิตวิทยา

เไม่รู้ช่วงนี้เป็นช่วงเยียวยาจิตใจ หรือถึงซื้อนิย่ยมาก็ไม่มีเวลาอ่านอยู่ดีหรือกระไร
เข้าร้านหนังสือทีไร เล็งๆจะติดมือมาแต่หนังสือจิตวิทยา

เอาจริงๆมันคือหมวดที่เราเสียเงินซื้อราคาเต็ม(หรือลดน้อย)ในร้านหนังสือมากที่สุด
อาจเพราะมันตรงกับสภาพสถานการณ์ตอนนั้นมาก หรือเพราะมันมีความรู้สึก(แปลกๆ)ว่าอ่านแล้วจะมีประโยชนต่อชีวิตกว่า รอไม่ได้เหมือนนิยาย (ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันมีกี่คนกันว้า~ ที่อ่านฮาวทูแล้วเอาไปปรับใช้ตาม - -" อย่างดีก็แค่เจอไม่กี่ประโยคที่โดนใจและตราตรึง ทำให้ติดอยู่ในใจจนอาจส่งผลต่อการตัดสินใจบางอย่างแค่นั้นแหละ

เล่มนี้อ่านวันแรกโดนใจมาก จนจะซื้อละ แต่ยับยั้งชั่งใจไว้ก่อน (determineไปแล้วแหละว่าคงซื้อ แค่เลื่อนระยะเวลาไปก่อน)
พอวันต่อมายังมีจิตนิวรณ์ ไปหยิบๆเปิดๆดูอีกครั้ง กลับรู้สึกไม่โดนใจเปรี้ยงปร้างเท่าเดิม - -?
ตกลงยังอยู่ในช่วงตัดสินใจกับตัวเองว่าจะสอยเล่มนี้ดีหรือเปล่า

เล่มนี้ก็เล็งไว้ตั้งแต่ภาคแรกๆ ปรากฎภาคสองนี่กระแทกใจกวาอีก "เปลี่ยนตัวเองให้โปร่งโล่ง ใน5นาที" เราเป็นคนที่เยอะสิ่งมาก ทั้งชอบเก็บสะสมของรกๆและความคิดรกๆไว้ในใจ (โดยที่มันก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา) ฉะนั้นการสอนให้ทำตัวให้โปรโล่งนี่จึงเหมาะและหลายๆประเด็นโดนใจเรามาก
แต่ในใจแค่รู้สึกว่าสนพ.วงกลมขายหนังสือแพงจัง นี่เล่มละ 180บาทแน่ะ -_-" แล้วเนื้อหาแบบว่า ยืนเปิดผ่านๆที่ร้านแป๊บเดียวก็จะหมดเล่มแล้ว มันก็เลยลังเลที่จะซื้อกลับน่ะ



วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

เพิ่งเข้าใจว่าชอบ I hear youe voiceเพราะอะไร

ช่วงนี้กลับมาติดซีรีย์เกาหลี หลังจากไม่ได้ดูมาตั้งแต่ยุคของ Full house, you're beutiful

เรื่องที่ทำให้กลับมาติดได้คือ I hear your voice
(ไปเปิดดูเพราะอ่านเจอว่าเกี่ยวกับทนาย และนางเอกเกรียน)


แค่เพียงดูตอนแรกก็ติดได้แบบ พีคมาก ดูจบในสองวัน
เที่ยวไปแนะนำคนอื่นอีกหลายคน

ก็ตอบตัวเองไม่ค่อยได้ว่าชอบเพราะอะไร
คงเป็นเพราะ คดีความเข้มข้น คู่พระนางน่ารัก(แม้วัยจะห่างกันมาก) และตัวละครไม่มีใครน่ารำคาญซักคน 
บทแน่นมาก ปูเรื่องดี น่าติดตามทุกตอน และจบสวย

จนมาวันนี้ได้อ่านกระทู้หนึ่งในพันทิพ(ซึ่งช่วงนี้ติดตามแท็กซีรีย์เกาหลีบ่อยมาก หาเรื่องอื่นมาดูเพื่อฟินต่อจาก IHYV) จนไปได้พบกับคอมเม้นของลอคอินท่านนึง ซึ่งกล่าวไว้ว่า
นี่แหละเหตุผลแฝงอยู่ที่เราชอบ IHYV
ตรงใจตามประสาที่เป็นคนโลเล